เมล็ดพืชกินได้ และประโยชน์ของเมล็ด

Last updated: 29 ส.ค. 2567  |  40 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เมล็ดพืชกินได้ และประโยชน์ของเมล็ด

เมล็ดพืช นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการขยายพันธุ์ของพืช ซึ่งภายในเมล็ดจะประกอบไปด้วย ต้นอ่อน และ อาหารสำหรับเลี้ยงต้นอ่อน ซึ่ง เมล็ดที่กินได้ ก็สามารถนำมารับประทานได้ โดยจะนิยมทานกันในกลุ่มของธัญพืชเป็นส่วนใหญ่ ด้วยประโยชน์ที่อุดมไปด้วยวิตามิน เส้นใย ช่วยเพิ่มปริมาณไขมันดี จึงเหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพ
นอกจากธัญพืชแล้วยังมี เมล็ดที่กินได้ ชนิดอื่นที่สามารถนำเมล็ดมารับประทานได้ ได้แก่ เมล็ดบัวหลวง เมล็ดขนุน เมล็ดมะขาม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่นำเมล็ดพืชเหล่านี้มารับประทาน

1. เมล็ดบัว
เมล็ดบัว เป็นเมล็ดที่อยู่ในฝักของบัวหลวง สามารถทานสดได้ โดยจะทานเฉพาะเนื้อสีขาวด้านใน มีรสชาติหวานปนฝาด หรือนำมาอบกรอบอบเกลือก็น่ารับประทานไม่แพ้กัน ส่วนด้านในเมล็ดจะมี ดีบัว ซึ่งเป็นต้นอ่อนที่อยู่ในเมล็ดบัว จะนิยมแกะออกเพราะมีรสชาติขม แต่รู้ไหมว่ามีประโยชน์ช่วยในการขยายหลอดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องระบบย่อยอาหาร และบรรเทาอาการท้องเสียได้

2.เมล็ดลูกเนียง

เป็นเมล็ดของต้นเนียง มีรสชาติมัน กลิ่นฉุน แต่ไม่ควรทานดิบ เนื่องจากมี กรดเจงโคลิค ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีกำมะถันสูงมาก ถ้าทานลูกเนียงดิบมากเกินไปทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันได้ ดังนั้น ก่อนรับประทานต้องนำลูกเนียงมาเพาะในทรายก่อนแล้วตัดหน่อลองลูกเนียงทิ้ง เพื่อลดปริมาณของกรดเจงโคลิค หรือนำไปต้มให้สุก รวมถึงนำไปหั่นเป็นชิ้นบางๆ แล้วตากแดดก่อนรับประทาน

3.เมล็ดมะกิ้ง


มะกิ้ง เป็นเถาไม้เลื้อยอายุยืนโดยลักษณะการเจริญเติบโตจะเลื้อยพันกับต้นไม้ใหญ่ สามารถพบต้นมะกิ้งได้ที่ระดับความสูง 800-1,000 เมตร เวลาเก็บเกี่ยวจะเก็บจากผลที่ร่วงล่นลง วิธีรับประทานจะนำเมล็ดมะกิ้งไปกะเทาะเปลือกออก แล้วใช้มีดขูดเยื่อออกให้หมด ด้านในเมล็ดมีเนื้อสีขาว จากนั้นก็สามารถทานสดได้ หรือจะนำไปย่างไฟจนสุกก็ได้เช่นกัน มีรสชาติหวานมันกรอบ มีน้ำมันแทรกอยู่ในเนื้อ ซึ่งปัจจุบันมะกิ้งมีจำนวนลดลงเนื่องจากพื้นที่ของป่าที่ลดลงด้วย

4.เมล็ดขนุน


เมล็ดขนุน ก่อนทานต้องเอามาทำให้สุกก่อน โดยเอามาต้มแล้วโรยเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ พอต้มเสร็จก็ให้ลอกเปลือกออก รสชาติที่ได้ก็จะเค็มๆ มันๆ นอกจากนี้สามารถนำไปประกอบขนมหวานอย่าง บวชเม็ดขนุน หรืออาหารคาว แกงส้มเมล็ดขนุนก็ได้เช่นกัน ซึ่งเมล็ดขนุนก็มีประโยชน์ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ปรับระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยลดสารก่อมะเร็ง มีไฟเบอร์สูงช่วยบรรเทาอาการท้องผูก

5.เมล็ดกระบก


กระบก (อัลมอนด์เมืองไทย) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สามารถสูงได้มากถึง 35 เมตร พบได้มากในภาคอีสานและภาคเหนือของไทย ผลมีลักษณะกลมรีมีสีเขียว พอผลสุกจะมีสีเหลืองเนื้อบาง เนื้อด้านในมีสีส้ม นิยมนำเมล็ดมากะเทาะเปลือกออกและนำเนื้อด้านในไปคั่ว ก็จะช่วยให้มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน

6.ลูกประ


ลูกประ คือเมล็ดจากต้นประ ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ พบได้มากในภาคใต้ เวลาทานจะนำลูกมาคั่วทั้งเปลือกแล้วแยกเยื่อที่อยู่ด้านในออกนำมาทำน้ำพริก หรือนำมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ แล้วก็นำไปทอด รวมถึงนำไปดองเพื่อยืดอายุของลูกประไว้ให้มีรับประทานตลอดทั้งปี เพราะลูกประออกลูกปีละครั้งเท่านั้น

7. เมล็ดกระถิน


เมล็ดกระถิน สามารถนำมารับประทานสดได้ มีรสชาติมันอมหวานเล็กน้อย โดยเมล็ดอ่อนที่มีสีเขียวนิยมนำมาโรยบนอาหารคาวที่มีรสชาติจัด อย่าง ส้มตำ แกง และยำ ส่วนเมล็ดแก่สามารถนำมาคั่วให้สุก แล้วบดให้ละเอียดนำมาชงดื่มกับน้ำร้อน ครั้งละ 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว เป็นยานอนหลับแบบชาวบ้าน แต่ไม่ควรดื่มติดต่อกันเกินหลายวัน

8.เมล็ดทุเรียน


เมล็ดทุเรียน ก่อนทานต้องทำให้สุกก่อน เริ่มจากนำเมล็ดมาเผาไฟจนข้างในจะสุก พอรับประทานจะมีรสชาติมัน กลิ่นหอม หรือจะนำไปหั่นบางๆ แล้วนำไปทอดในน้ำมันก็ได้เช่นกัน โดยเมล็ดทุเรียนที่นำมารับประทานจะเป็นทุเรียนพื้นบ้าน เพราะมีเมล็ดขนาดใหญ่ เนื้อเยอะ และนอกจากจะนำมาทานได้แล้วก็สามารถนำไปปลูกต่อเพื่อเป็นต้นตอสำหรับเสียบยอดกับกิ่งพันธุ์ก็ได้

9.เมล็ดมะก่อ


มะก่อ (เกาลัดเมืองไทย) เป็นเมล็ดของต้นก่อ ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สามารถพบได้มากที่ภาคเหนือ โดยกาบของมะก่อมีหนามยาวสามารถทิ่มแทงได้ วิธีรับประทานจะนำผลมะก่อมาทุบให้กาบที่มีหนามหลุดออก และนำเมล็ดมะกอมาคั่ว ใช้ทานเล่นเหมือนกับเกาลัดได้ มีรสชาติมันและหวานเล็กน้อย

10.เมล็ดมะขาม


เมล็ดมะขาม ก่อนรับประทานนิยมนำมาคั่ว ซึ่งหลังจากคั่วแล้วก็ยังคงมีเปลือกอยู่ ก็จะใช้ฟันกะเทาะเปลือกให้หลุดออกแล้วค่อยทานเนื้อที่อยู่ด้านใน เพื่อลดความแข็งลงสามารถนำเมล็ดมะขามที่คั่วแล้วไปแช่น้ำก็จะช่วยให้ทานได้ง่ายขึ้น ซึ่งเมล็ดมะขามมีโพลีแซคคาไลด์ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็งได้

11.เมล็ดฟักทอง


เมล็ดฟักทอง จะมีเปลือกสีขาว ด้านในเป็นเมล็ดแบน ๆ รูปไข่ มีสีเขียว เป็นพลังงานที่มาจากไขมัน และโปรตีนเป็นหลัก และมีสารอาหารมากมาย เช่น ฟอสฟอรัส แมงกานีส และแมกนีเซียม มีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมความดันโลหิต เป็นต้น

12.เมล็ดทานตะวัน


เมล็ดทานตะวัน จะมีรูปร่างยาวรี ทรงเหลี่ยม ๆ มีเปลือกสีลายดำขาว เมล็ดด้านในขนาดเล็ก มีสีขาว และมีเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม ทานได้ทั้งแบบคั่ว และแบบดิบ มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เช่น วิตามินอี วิตามินบี ธาตุเหล็ก แมงกานีส ซีลีเนียม รวมทั้งมีกรดฟีนอลิก และฟลาโวนอยด์ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคเรื้อรัง ช่วยลดน้ำตาลในเลือด บำรุงหัวใจ ลดการอักเสบ และช่วยบำรุงหัวใจได้

13.เมล็ดเจีย


เมล็ดเจีย มีขนาดเล็กคล้ายเม็ดแมงลัก รูปไข่ มีหลากหลายสี เช่น สีขาว สีดำ สีน้ำตาลเข้ม สีครีม เป็นต้น สามารถทานได้โดยไม่ต้องแปรรูป นิยมนำมาโรยบนอาหาร อุดมด้วยสารอาหารสำคัญ เช่น กรดไขมันโอเมก้า3 คาร์โบไฮเดรต โปรตีน เส้นใยอาหาร แคลเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดน้ำหนัก ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ดี เป็นต้น

14.เมล็ดองุ่น


เมล็ดองุ่น เป็น เมล็ดพืช ที่อยู่ด้านในของผลองุ่น อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินอี กรดไขมันไลโนเลอิก และฟลาโวนอยด์ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา และต้านการอักเสบ ช่วยป้องกัน และซ่อมแซมหลอดเลือดที่ถูกทำลาย เสริมสร้างกายทำงานของระบบไหลเวียน

15.เมล็ดทุเรียน


เมล็ดทุเรียน เป็นรูปกลมรีคล้ายระกำ เนื้อของเมล็ดทุเรียน คล้าย ๆ กับเผือก หรือมันเทศ แต่จะเหนียวกว่า เวลาทานจะนำมานึ่ง คั่ว หรือทอดในน้ำ ไฟแรงปานกลาง ห้ามทานดิบเด็ดขาด มีคุณค่าทางอาหารสูง มีปริมาณของเส้นใยอาหารที่สูง นอกจากนำมาทานแล้ว ยังสามารถนำเมล็ดทุเรียน ไปปลูกต่อได้อีกด้วย

16.เมล็ดทับทิม


เมล็ดทับทิม อีกหนึ่ง เมล็ดพืชกินได้ ที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เมล็ดข้างในมีทรงยาวรี มีสีขาวนวล มีสรรพคุณมากมาย เช่น วิตามินซี วิตามินเค โฟเลต และโพแทสเซียม รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยป้องกันแบคทีเรีย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

17.เมล็ดควินัว


เมล็ดควินัว เป็นเมล็ดพืชที่หลาย ๆ คนรู้จัก เป็นเมล็ดกลม ๆ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีไฟเบอร์ และโปรตีนสูง มีกรดอะมิโนจำเป็น ครบถ้วนทั้ง 9 ชนิด ช่วยในการเผาผลาญ เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก

18.เมล็ดแฟลกซ์


เมล็ดแฟลกซ์ หรือที่เรียกกันว่า เมล็ดลินิน เมล็ดฝ้าย นั่นเอง มีลักษณะเป็นเมล็ดกลมรี เปลือกสีน้ำตาลเข้ม เนื้อในสีเหลือง มีรสชาติมันเล็กน้อย อุดมไปด้วยไฟเบอร์ โปรตีน กรดไขมันโอเมก้า3 และโอเมก้า6 ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือกและหัวใจ ลดความรุนแรงจากโรคเบาหวาน ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม เป็นต้น

แหล่งอ้างอิง:https://www.baanlaesuan.com/300501/garden-farm/edible_seeds

https://www.sgethai.com/article/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A/

https://hellokhunmor.com/%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B8%B5/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99/

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้