วิธีดูแลสวนต้นไม้

1.ไม่ควรรดน้ำต้นไม้ในช่วงกลางวันที่มีแสงแดดร้อน

ช่วงที่แดดร้อนสภาพของดินจะมีการสะสมความร้อนสูง เมื่อรดน้ำลงไปจะทำให้ดินคายความร้อนออกมาใส่ต้นไม้ ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นและส่งผลเสียกับต้นไม้ อาจทำให้ตายได้ โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการรดน้ำต้นไม้ คือตอนเช้าตรู่ หรือช่วงเย็นที่ดินไม่ได้มีความร้อนสูงเกินไป

2.การรับน้ำในปริมาณที่เหมาะสม:

กุญแจสำคัญในการพัฒนาพื้นที่สีเขียว
การทิ้งพืชโดยไม่ให้น้ำเป็นเวลานานเกินไปอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อพืชได้ อาจทำให้พืชลดความต้านทานต่อศัตรูพืชและโรคได้ แต่การรดน้ำมากเกินไปอาจเป็นอันตรายทำให้ตายสำหรับพืชบางชนิด

พืชทุกชนิดไม่ไวต่อการรับน้ำในปริมาณที่พอเหมาะและนี่เป็นสิ่งที่เราควรรู้ หากคุณไม่มั่นใจในความสามารถของคุณในการตัดสินใจปริมาณที่ต้องการให้พิจารณาปลูกพืชที่มีความน้ำที่ยืดหยุ่น

3.ปฏิบัติต่อพืชของคุณทีละต้น

พืชแต่ละชนิดมีความต้องในการเจริญเติมโตที่แตกต่างกัน เมื่อคุณกำลังมีความคิดที่จะซื้อต้นไม้ ให้คุณค้นหาว่าต้นไม้ชนิดนั้นๆ สามารถปลูกในสวนคุณได้หรือไม่ เพราะด้วยความต้องการที่แตกต่างกันของแสงแดดด้วย

ฉลากบนซองเมล็ดพืชหรือต้นไม้ ควรระบุความต้องการแสงแดดของพืชด้วย ซึ่งอาจจะมีการบอกอุณภูมิอากาศและสภาพดินที่พืชต้องการ

4.ป้องกันโรค

งานอีกอย่างสำหรับชาวสวน คือมองหาอันตรายที่อาจเกิดขึ้น สิ่งนี้เริ่มต้นด้วยการเลือก พืชที่เป็นโรคใด ๆ ที่คุณนำเข้ามาในสวนของคุณอาจติดเชื้อพืชชนิดอื่นดังนั้นระวังสัญญาณต่างๆ เช่นรอยด่างใบที่เปลี่ยนสีหรือสีด่างหรือการระบาดของศัตรูพืชทุกชนิด ตรวจสอบราก รากที่แข็งแรงมักจะมีสีขาวอุดมสมบูรณ์และแน่น หากพืชมีเพียงรากที่มีสีเข้มหรือสีอ่อน ๆ อยู่เพียงเล็กน้อยก็อาจติดเชื้อได้หากคุณมีพืชที่เป็นโรคใด ๆ การรักษา อย่าใส่ลงไปในกองปุ๋ยหมักเพราะโรคจะแพร่กระจายในลักษณะนี้ ตามทฤษฎีแล้วความร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำปุ๋ยหมักอย่างถี่ถ้วนน่าจะฆ่าโรคได้ แต่มันยากที่จะแน่ใจในเรื่องนี้หากคุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญดังนั้นให้นำไปทิ้งในถังขยะให้ปลอดภัย

5.รู้จักพืชจากศัตรู

แมลงหลายชนิดเป็นอันตรายหรือเป็นประโยชน์ต่อพืชของคุณ แต่บางชนิดสามารถสร้างความเสียหายได้ สิ่งที่เลวร้ายที่สุด คือ เพลี้ย มีหลายสายพันธ์ มีสีเขียว สีขาวน้ำตาลหรือสีดำ แมลงขนาดเล็กเหล่านี้ดูซับน้ำนมจากพืชและสามารถส่งไวรัสต่อพืชหลากหลายชนิด หากพืชได้รับการแพร่กระจายเพียงเล็กน้อย สามารถจัดการได้โดยการฉีดพ่นด้วยน้ำแรงๆ ซ้ำ ๆ และควรฉีดพ่นด้วยยาฆ่าแมลงเป็นประจำ

6. ควรกำจัดต้น หรือกิ่งที่ติดโรค

ควรหมั่นสำรวจต้นไม้ และความผิดปกติอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันโรคที่เกี่ยวกับต้นไม้ ซึ่งหากพบว่ามีต้นไม้ที่ติดโรค ก็ควรรีบทำการกำจัดกิ่งนั้นออกไม้เพื่อป้องกันการระบาด ทั้งนี้หลังจากการตัดแต่งกิ่งแล้ว ไม่ควรนำกิ่งที่เกิดโรค ไปทิ้งในบริเวณที่ปลูกต้นไม้ หากพบศัตรูพืชระบาดมาก อาจใช้สารกำจัดศัตรูพืชฉีดทำลาย และควรฉีดพ่นในช่วง

7. ควรเปลี่ยนกระถางหรือนำต้นไม้ลงดิน

เมื่อต้นไม่เริ่มมีการขยายการเติบโต รากในกระถางเริ่มแน่น สังเกตได้จากรากขึ้นมาอยู่บริเวณปากกระถางมากขึ้น หรือมีรากแทงทะลุออกมา ควรนำต้นไม้ลงดินโดยผสมวัสดุปลูกให้มีความโปร่งเพื่อให้รากชอนไชได้ดี
แต่หากต้องการปลูกต้นไม้ในกระถางเดิม ควรดูแลด้วยการตัดแต่งกิ่งเพื่อควบคุมขนาดทรงพุ่ม และเติมวัสดุปลูกใหม่เพิ่มลงไป

8.ให้รากมีพื้นที่

ราก มีความสำคัญต่อการอยู่รอดของพืช และรากต้องการพื้นที่ในการเจริญเติมโตที่เหมาะสม ไม่ว่าพืชของคุณจะอยู่ในกระถางหรือในพื้นดิน ควรมีพื้นที่ที่ๆ เพียงพอต่อรากของพืช หากคุณคิดว่ารากมีพื้นที่ไม่เพียงพอ ควรย้ายไปยังพื้นที่ๆ ใหญ่กว่า เมื่อคุณต้องการเพาะเมล็ด ควรปลูกไว้ในที่เดียวกัน แต่ควรทำตามคำแนะนำบนแพ็คเกจ ขั้นตอนในการพัฒนาของคุณ คือการมั่นใจการตัดสินว่าพืชอยู่สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

9.. ดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากต้นไม้ออกดอกหรือผล ควรตัดแต่งกิ่งและใส่ปุ๋ยบำรุงต้น เพื่อให้ต้นมีการสะสมอาหารใหม่ และแตกกิ่งชุดต่อไป

10. ดูแลดิน

เมื่อดินปลูกไม้น้ำเริ่มเป็นเลนควรเปลี่ยนดินใหม่ และหากน้ำขุ่นให้ใช้วิธีโรยทรายทับบาง ๆ บนผิวดิน เพิ้อให้ดินยังมีคุณภาพที่ดี

อ้างอิง:https://ayb.co.th/%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99/

https://www.gardenthailand.com/content/5345/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95